กองทัพ "แท็บเลต" บุกไทย เปิดศึกท้าชน "ไอแพด 2" พ.ค.นี้

ขณะที่ "แอปเปิล" เปิดศึกฟ้องซัมซุงว่าก๊อบปี้เทคโนโลยีไอโฟนและไอแพด เพิ่มอุณหภูมิการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนและแท็บเลตของ 2 ยักษ์ใหญ่

สำหรับในตลาดเมืองไทย เดือน พ.ค.นี้ถือว่าเป็นช่วงแห่งการเปิดศึกชิงเค้กตลาด "แท็บเลต" อย่างแท้จริง เพราะตลาดจะไม่มีผู้เล่นแค่ไอแพดของแอปเปิล และกาแล็คซี่แท็บของซัมซุงเท่านั้น

นอกจากมีข่าวว่าแอปเปิลเตรียมส่ง "ไอแพด 2" เข้ามาทำตลาดในไทย ดีเดย์ 6 พ.ค.นี้ ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับตอนเปิดตัว ไอแพด 1

แม้ว่ายังไม่มีการยืนยันจากแอปเปิลว่าไอแพด 2 จะเปิดตัวในไทย ต้นเดือน พ.ค.หรือไม่ แต่ล่าสุด "ทิม คุก" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการจาก แอปเปิล ให้สัมภาษณ์ว่า ในสัปดาห์หน้า แอปเปิลเตรียมวางจำหน่ายไอแพด 2 เพิ่มอีกกว่า 13 ประเทศ ซึ่งกำลังวางแผนเพิ่มประเทศวางจำหน่ายให้มากขึ้นภายในไตรมาสนี้ และมั่นใจว่า แอปเปิลจะสามารถผลิตไอแพดได้มากเพียงพอกับความต้องการสำหรับไตรมาสนี้ด้วย

พร้อมกันนี้ แอปเปิลได้เปิดเผยยอดขายไอแพดในไตรมาสที่ผ่านมาว่า ทั้งเวอร์ชั่นแรกและเวอร์ชั่นสองรวมกัน สามารถจำหน่ายได้ถึง 4.69 ล้านเครื่อง โดยแอปเปิลได้เริ่มวางจำหน่ายไอแพด 2 ครั้งแรกในสหรัฐ เมื่อ 11 มีนาคมที่ผ่านมา และเพิ่มเป็น 25 ประเทศ เมื่อปลายเดือนมีนาคม และจากคำพูดของซีอีโอแอปเปิลก็ทำให้เชื่อได้ว่าไอแพด 2 มีโอกาสที่จะเปิดตัวในไทยช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้จริง และหากเป็นจริงดังที่คาดการณ์จะยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงของการแข่งขันในสังเวียนแท็บเลตเข้าสู่ระดับที่เข้มข้นมากขึ้น

เพราะขณะนี้แท็บเลตคู่แข่งในตระกูลแอนดรอยด์และระบบปฏิบัติการอื่นๆ เตรียมทยอยลงสู่สนามในเดือน พ.ค.นี้เช่นกัน หลังจากกูเกิลพัฒนาซอฟต์แวร์แอนดรอยด์ 3.0 (Honeycomb) สำหรับแท็บเลตโดยเฉพาะออกมา

"สมชัย สิทธิชัยศรีชาติ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ในไทย กล่าวว่า บริษัทได้รับแจ้งจาก โมโตโรล่าว่าพร้อมส่งแท็บเลต "Xoom" ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 เข้าตลาดไทยในช่วงสิ้นเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคมนี้ ขณะเดียวกันก็จะเริ่มมีแท็บเลตแบรนด์ต่าง ๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 ทยอยเข้าสู่ตลาด ส่วน "Playbook" ของริม (รีเสิร์ช อินโมชั่น) ผู้ผลิตแบล็คเบอร์รี่ คาดว่าจะเข้ามาวางจำหน่ายในไทยภายในเดือนมิถุนายนนี้

สำหรับ "เพลย์บุ๊ก" แท็บเลตขนาด 7 นิ้วของริม วางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐและแคนาดา เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา รองรับเฉพาะ Wi-Fi ความจุ 16GB ราคา 499 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 15,000 บาท อย่างไรก็ตาม กระแสของเพลย์บุ๊กยังไม่เท่ากับไอแพด เพราะด้วยคุณสมบัติและการทำงานเน้นตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายลูกค้าองค์กรธุรกิจที่ใช้สมาร์ทโฟนแบล็คเบอร์รี่เป็นหลัก ซึ่งสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดี

นอกจากนี้ พบว่าผู้ผลิตโน้ตบุ๊กรายใหญ่อย่าง "เอเซอร์" ก็ประกาศบุกตลาดแท็บเลตเต็มตัว โดยเมื่อ 22 เมษายนที่ผ่านมา ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ "ICONIA Familly" ซึ่งประกอบด้วย แท็บเลต 2 รุ่น คือ Iconia Tab W500 ขนาด 10.1 นิ้ว ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 มาพร้อมคีย์บอร์ดแบบสไลด์ ราคา 17,900 บาท พร้อมด้วย Iconia Tab A500 ขนาด 10.1 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 สามารถเล่นไฟล์วิดีโอแบบ Full HD ราคา 17,900 บาท (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

พร้อมกับมีแผนวางจำหน่าย Iconia Tab A100 ขนาด 7 นิ้ว ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 และสมาร์ทโฟน รุ่น Iconia Smart ขนาด 4.8 นิ้ว ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 นั้น ในช่วงปลายไตรมาส 2

"บุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล" รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์จากเอเซอร์ กล่าวว่า เอเซอร์ไม่ได้ เปิดตัวสินค้าเพื่อชนกับไอแพด 2 เพราะฟีเจอร์และฟังก์ชั่นเทคโนโลยีสเป็กสูงกว่า และยังสามารถใช้ร่วมกับโน้ตบุ๊ก พีซีได้ง่ายกว่าระบบอื่นๆ โดยเอเซอร์เลือกใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการรายใหญ่ที่สุดของโลกในอนาคต

ทั้งนี้ เอเซอร์วางตำแหน่งสินค้าตระกูล Iconia สำหรับการใช้งานบริโภคข้อมูล ใช้งานอ่านหนังสือ และเพื่อความบันเทิง เสมือนเป็นอุปกรณ์เครื่องที่สอง ไม่ได้มาแทนที่โน้ตบุ๊ก พร้อมกับตั้งเป้าหมายครองส่วนแบ่ง การตลาดประมาณ 30-40% จาก ตลาดรวมแท็บเลตในไทยประมาณ 3 แสนเครื่อง และสร้างรายได้สัดส่วน 20% ของรายได้รวมกลุ่มธุรกิจโมบิลิตี้ทั้งหมด

ด้าน บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ก็เตรียมนำแท็บเลต EeePad Transformer เข้ามาวางตลาดในไทยช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ โดย EeePad มีขนาด 10.1 นิ้ว มา พร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 ความจุขนาด 16GB รองรับการ ใช้งานไว-ไฟ โดยจุดเด่นของ EeePad ก็คือ Docking Station เป็นคีย์บอร์ดเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ซึ่ง ตั้งราคาขายไว้ที่ 17,900 บาท แต่ หากไม่ต้องการ Docking Station ราคาจะอยู่ที่ 14,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ