ผู้ประกอบการกล้องดิจิทัลเบนเข็มรุกตลาด "กล้องเปลี่ยนเลนส์" มิร์เรอร์เลส หลังดีมานด์โตพุ่งพรวด ชี้เป็นตลาดใหม่-มาร์จิ้นดี "นิคอน" จ่อคิวแตกไลน์ขอเป็นทางเลือกแย่งมาร์เก็ตแชร์เจ้าตลาด "โซนี่-โอลิมปัส-พานาโซนิค" จับเทรนด์คนรุ่นใหม่-ผู้หญิง หวังอัพเกรดตลาด ด้านคอมแพ็กต์แข่งเดือดสงครามราคา
กล้องเปลี่ยนเลนส์ หรือมิร์เรอร์เลส (Mirrorless) กลายเป็นกลุ่มสินค้าร้อนแรงและมีทิศทางการเติบโตสูงสุด
ค่ายใหญ่มาครบไม่ปล่อยโอกาส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดกล้องเริ่มเข้มข้นและคึกคักขึ้น เมื่อค่าย "นิคอน" เตรียมจะแตกไลน์กระโดดเข้ามาเล่นในเซ็กเมนต์กล้องมิร์เรอร์เลส โดยเตรียมจะเปิดตัวสินค้าเข้าตลาดในช่วงปลายปีนี้ ปัจจุบันตลาดนี้มีผู้เล่นที่ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 3 รายหลัก คือ โซนี่, โอลิมปัส และพานาโซนิค และล่าสุด ค่ายเกาหลี "ซัมซุง" และแบรนด์ญี่ปุ่น "ริโค" ได้แตกไลน์วางสินค้าเข้าตลาดบ้างแล้ว เพื่อขอเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
ขณะเดียวกันก็มีการประเมินตัวเลขการเติบโตของกล้องเซ็กเมนต์นี้ว่าจะมีประมาณ 2.1 หมื่นเครื่อง จากตลาดรวมกล้องปีนี้ 1.4 ล้านเครื่อง ซึ่ง 3 แบรนด์เจ้าตลาดครองส่วนแบ่งรวมไปแล้วกว่า 80-90%
การเตรียมแตกไลน์สินค้าใหม่ของนิคอน ซัมซุง และริโค รวมถึงการปล่อยสินค้าใหม่ของ 3 ค่ายเดิม เจ้าตลาดในช่วงปลายปี ที่เป็นหน้าขายหลักของตลาด รวมถึงความพร้อมของสินค้า โดยเฉพาะค่ายญี่ปุ่นที่กำลังเร่ง ยอดขายในทุกรูปแบบ หลังประสบภาวะกล้องขาดตลาดจากปัญหาสึนามิส่งผลต่อยอดขายไตรมาส 3
ปรับราคาย้ำแชมป์
การเติบโตของดีมานด์กล้องมิร์เรอร์เลสในเมืองไทยสอดคล้องกับเทรนด์ของตลาดทั่วโลก นายจรัสพงศ์ เจนจรัสสกุล ผู้จัดการทั่วไป ส่วนคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด อธิบายว่า ทิศทางตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์เริ่มทรงตัว เนื่องจากลูกค้าหันมาสนใจกล้องมิร์เรอร์เลสมากขึ้น จากตลาดรวม 1.4 ล้านเครื่องใน ปีนี้ แบ่งเป็นกล้องดีเอสแอลอาร์ 1.4 แสนเครื่อง และกล้องมิร์เรอร์เลสประมาณ 2.1 หมื่นเครื่อง ส่วนที่เหลือเป็นกล้องคอมแพ็กต์ซึ่งแนวโน้มเม็ดเงินลดลงต่อเนื่องจากการแข่งขันราคา ส่วนมิร์เรอร์เลสคาดว่าปีหน้าดีมานด์จะขยับโตขึ้น 60%
เช่นเดียวกับการเติบโตในตลาดต่างประเทศ อาทิ ตลาดญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน ผู้บริหารโอลิมปัสชี้ว่า กล้องมิร์เรอร์เลสขยายตัว 20-40% และเริ่มเข้าไปกินตลาดกล้องคอมแพ็กต์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่อยากได้กล้องที่มีฟีเจอร์สูงขึ้น รวมถึงกินตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการฟีเจอร์เทียบเท่า ใช้งานง่าย ขนาดกล้องเล็กกว่า และดีไซน์สวยงามไม่เทอะทะ สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มผู้หญิงได้เป็นอย่างดี บวกกับราคาเฉลี่ยหลากหลายตั้งแต่ 1.8-3 หมื่นบาท ครอบคลุมและเข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า
"ปีนี้โอลิมปัสจึงกระตุ้นตลาดด้วยการเน้นเปิดตัวมิร์เรอร์เลส 3 รุ่น วางราคาตั้งแต่ 1.8-2.7 หมื่นบาท และคุมราคาให้ถูกกว่าคู่แข่ง 1-2 พันบาท เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดที่เราเป็นเบอร์ 1 ในเซ็กเมนต์นี้ด้วยตัวเลข 60% ไว้ บวกกับปีนี้การแข่งขันจะดุเดือดขึ้นทั้งค่ายใหม่และค่ายเดิม ซึ่งจะเห็นภาพชัดในไตรมาส 4"
คอมแพ็กต์แข่ง "สงครามราคา"
นายจรัสพงศ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทได้ปรับโครงสร้างการขายสินค้าใหม่ ด้วยการลดสัดส่วนกล้องคอมแพ็กต์ที่แข่งสงครามราคาแรง และหันมาโฟกัสสินค้าที่สร้างกำไรและแข็งแกร่ง โดยยอมทิ้งมาร์เก็ตแชร์รวม 14% ที่เคยได้ แต่ตอนนี้แม้ว่าจะเหลือ 6.8% แต่ภาพรวมบริษัทกลับแข็งแรงขึ้นและมีกำไรมากขึ้น
ด้าน "จีเอฟเค รีเทล แอนด์ เทคโนโลยี" บริษัทวิจัยและเก็บข้อมูลตลาดคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ชี้ภาพรวมตลาดไตรมาส 4 ว่า จะเป็นหน้าขายที่คึกคักกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา นอกจากเป็นหน้าขายแล้วนั้น ราคาที่ลดลงของกลุ่มดีเอสแอลอาร์และมิร์เรอร์เลส กลายเป็นแรงจูงใจให้ภาพรวมตลาดคึกคัก จากตัวเลข 5 เดือน ตลาดรวม คอมแพ็กต์อยู่ที่ 5.9 แสนเครื่อง ส่วนดีเอสแอลอาร์และมิร์เรอร์เลส 4.3 หมื่นยูนิต เติบโต 23.6%
ส่วนแง่เม็ดเงินโตรวม 9% ซึ่งการแข่งขันของราคาโดยเฉพาะคอมแพ็กต์ดึงให้ราคากล้องรวมลดลงถึง 11.9% ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ในเซ็กเมนต์ราคาต่ำกว่า 5,000 บาท ที่เป็นฐานใหญ่ของตลาดและแข่งขันในช่องทางโมเดิร์นเทรด
ที่มา ประชาชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
sahasachai@gmail.com