วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

ตรวจแถว 3 iPod และ Apple TV ใหม่ล่าสุด


ตรวจแถว 3 iPod และ Apple TV ใหม่ล่าสุด Steve Jobs ซีอีโอแอปเปิลขณะเปิดตัว iPod nano หน้าจอทัชสกรีนรุ่นล่าสุด ในที่สุด แอปเปิลก็ยกเครื่องผลิตภัณฑ์เพลงพกพาไอพ็อด (iPod) ใหม่ทุกตระกูลตามความคาดหมาย ทั้ง iPod shuffle ที่แอปเปิลปรับให้มีขนาดเล็กลง (เล็กน้อย) คงความสามารถเดิมแต่ติดตั้งปุ่มควบคุมเอกลักษณ์ของไอพ็อดอีกครั้ง ยังมี iPod nano ที่ทิ้งปุ่มคลิกวิลไปแต่หันมาใช้จอทัชสกรีนแทน และ iPod touch ซึ่งมาพร้อมกล้องหน้าหลังสำหรับทำวิดีโอแช็ตผ่านไว-ไฟ ทั้งหมดเปิดจองแล้วและจะเริ่มจัดส่งสู่ร้านค้าในสหรัฐช่วงสัปดาห์หน้า

สำหรับ Apple TV แอปเปิลดึงฮาร์ดไดร์ฟทิ้งไปแล้วลดราคาครบสูตรตามข่าวลือ

iPod shuffle ยุคที่ 4

ดูเหมือนว่าแอปเปิลจะค้นหาตัวเองพบแล้วสำหรับดีไซน์ของ iPod shuffle เพราะ iPod shuffle ยุคที่ 4 นั้นมีหน้าตาคล้ายกับยุคที่ 2 ซึ่งมีปุ่มวงกลมพร้อมคลิปหนีบติดไว้อีกครั้ง ทำให้เห็นว่า iPod shuffle ยุคที่ 3 ที่แอปเปิลออกแบบให้ไร้ปุ่มและผู้ใช้ต้องควบคุมเครื่องจากเฮดโฟนแทนนั้น "ไม่เวิร์กเท่าไหร่"

รุ่นยุคที่ 4 นั้นมาพร้อมทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เล็กกว่าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในรุ่นยุคที่ 2 มีฟีเจอร์อย่าง VoiceOver ซึ่งเพียงกดปุ่ม VoiceOver ก็จะบอกชื่อเพลงและชื่อศิลปินของเพลงที่ฟังอยู่ รวมทั้งสามารถบอกชื่อ playlist และเตือนเวลาแบตเตอรี่อ่อนได้เหมือนกับรุ่นยุคที่ 3 สามารถเล่นเพลงต่อเนื่อง 15 ชั่วโมง มีหลายสีให้เลือกเช่นเดิม มาพร้อมความจุ 2GB จำหน่ายในราคา 49 เหรียญ

สรุปก็คือ iPod shuffle ยุคที่ 4 แทบไม่ต่างอะไรกับยุคที่ 3 เพียงแต่มีขนาดเล็กลง และมีปุ่มเอกลักษณ์ของไอพ็อดอีกครั้ง

iPod nano ยุคที่ 6

ต้องยอมรับว่า iPod nano นั้นมีการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์อย่างเห็นชัดเจนที่สุดใน 5 ช่วงชีวิตที่ผ่านมา ครั้งหนึ่งเคยสูงชะลูด อีกครั้งอ้วนป้อม จากนั้นก็บางลงพร้อมหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ก่อนจะถูกแอปเปิลติดวิดีโอไว้ให้ในรุ่นปัจจุบัน ล่าสุด iPod nano ยุคที่ 6 นั้นเปลี่ยนโฉมอีกครั้ง และถูกวิจารณ์ว่ามีลักษณะเหมือน iPod shuffle ขนาดยักษ์ที่เขี่ยคลิกวิลทิ้งไปแล้วมีหน้าจอทัชสกรีนขนาด 1.5 นิ้วมาแทน แถมยังมีคลิปให้ผู้ใช้หนีบไว้กับเสื้อผ้าเพื่อการพกพาแสนสะดวก

แอปเปิลระบุว่าการใช้ทัชสกรีนจิ๋วแทนคลิกวิลนั้นทำให้ nano มีขนาดเล็กลง 46% และเบาขึ้น 42% สามารถเล่นเพลงต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง รุ่น 8GB จำหน่ายที่ 149 เหรียญ รุ่น 16GB จำหน่ายที่ 179 เหรียญ

ยังไม่มีข้อมูลที่แน่นอนว่า nano รุ่นใหม่นี้ใช้ระบบปฏิบัติการใด แต่อินเตอร์เฟสหรือส่วนติดต่อผู้ใช้ของ nano นั้นคล้ายกับอินเตอร์เฟสบนอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS อย่างไอโฟนมาก โฮมสกรีนหรือหน้าโปรแกรมเริ่มต้นของ nano นั้นไม่ใช่เมนูตัวเลือกอีกต่อไป แต่เป็นไอคอนซึ่งผู้ใช้สามารถจรดนิ้วบนหน้าจอเพื่อใช้งานโปรแกรมได้เลยเหมือน iPhone เช่น สามารถปาดนิ้วจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้ายเพื่อใช้งานสกรีนได้ หรือกดค้างเพื่อกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และสามารถปาดนิ้วขึ้นลงบนล่างเพื่อเลือกรายการที่ต้องการ แน่นอนว่ารองรับการสั่งงานด้วยมัลติทัชเช่นกัน

ขณะเล่นเพลง หน้าจอจะแสดงภาพปกอัลบัม สามารถกดหน้าจอเพื่อสั่งเล่นหรือหยุดเพลง มีปุ่มควบคุมระดับเสียงด้านข้างเช่นเดิม

สิ่งที่ไม่เหมือนกับ iPhone และ iPod touch คือ iPod nano นั้นไม่มี accelerometer เพื่อการกลับด้านหน้าจอแนวตั้งแนวนอนตามองศาการถือเครื่องแบบอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้สามารถจรดนิ้วบนหน้าจอแล้วหมุนอินเตอร์เฟสตามองศาการมองได้ตามต้องการ นอกจากนี้ iPod nano ใหม่ไม่สามารถบันทึกหรือเล่นวิดีโอได้อีก และมีวิทยุ FM

สิ่งที่ nano ใหม่ต่างจาก shuffle คือสายเชื่อมต่อสู่คอมพิวเตอร์ที่ nano จะต้องใช้สายแบบเดียวกับ iPhone

iPod touch ยุคที่ 4

iPod touch รุ่นใหม่ล่าสุดถูกวิจารณ์ว่าเหมือน iPhone 4 เข้าไปทุกที มาพร้อมหน้าจอเทคโนโลยี Retina Display เหมือนกัน ใช้ชิป A4, มี gyroscope แบบ 3 แกน และมีกล้องหน้าหลังเหมือนกัน (แม้ว่าความละเอียดกล้องจะอยู่ที่เพียง 960x720 ซึ่งน้อยกว่า iPhone 4 มากนัก) ทำให้รองรับการทำวิดีโอแช็ต FaceTime ผ่าน Wi-Fi

สิ่งที่แตกต่างคือความบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก่อนนี้ใครว่า iPod touch บางแล้ว รุ่นใหม่ยุคที่ 4 นี้บางและเบายิ่งกว่า

แอปพลิเคชัน FaceTime จะทำให้ผู้ใช้ nano รับสายโทรวิดีโอแชตได้โดยใช้ข้อมูลอีเมลแอดเดรส เสียงพูดจะถูกส่งผ่านไมโครโฟนที่ติดไว้ปลายเครื่อง iPod touch เท่ากับผู้ใช้ไม่ต้องซื้อเฮดโฟนเพิ่มเติม

ระหว่างการเปิดตัว iPod touch จ็อบส์ระบุว่าตลาดเป้าหมายคือตลาดเกมโดยยกตัวอย่างว่าอุปกรณ์เกมของ Nintendo และ Sony ว่าได้รับความนิยมถล่มทลายจนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ของตลาดอุปกรณ์พกพา โดยให้ตัวเลขว่าผู้ใช้ iPod touch นั้นดาวน์โหลดเกมและคอนเทนต์ความบันเทิงไปมากกว่า 1.5 ล้านครั้ง

iPod touch รุ่น 8GB จำหน่ายที่ 229 เหรียญ รุ่น 32GB ราคา 299 เหรียญ และรุ่น 64GB ราคา 399 เหรียญ

Apple TV ยุคที่ 2

Apple TV นั้นเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่ว่าแอปเปิลจะปรับลดราคา เพิ่มฟีเจอร์ หรืออัปเดทอินเตอร์เฟสใหม่เท่าไรก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเพราะยังขาดคอนเทนต์ในการดึงดูดผู้บริโภค และราคาแพงเกินไปทั้งในแง่เครื่องและแง่คอนเทนต์

Apple TV ยุคใหม่มีขนาดเพียง 1 ใน 4 ของรุ่นแรก เป็นกล่องสีดำดูสนุกน่าค้นหาและไม่มีฮาร์ดไดร์ฟ ด้านหลังเครื่องมีกลุ่มพอร์ตเชื่อมต่อซึ่งน้อยกว่ารุ่นแรกมากนัก มีข้อแม้ว่าผู้ใช้ต้องมี TV ความละเอียดสูงที่รองรับภาพ HDMI เท่านั้นเพราะ Apple TV มีพอร์ตต่อวิดีโอออกเป็น HDMI อย่างเดียว

นอกจากนี้ยังมีพอร์ตออดิโอ รองรับอีเธอร์เน็ต (แม้ตัวเครื่องจะรองรับเครือข่ายไร้สาย 802.11n อยู่แล้ว) และพอร์ต USB ทั้งหมดสามารถต่อตรงกับทีวีได้เลยไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ สามารถแสดงวิดีโอความละเอียด 720p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที จากรุ่นเดิมที่เล่นด้วยความเร็ว 24 เฟรมต่อวินาที การควบคุมเครื่องทำได้โดยรีโมทคอนโทรล์

จุดประสงค์ดั้งเดิมของ Apple TV คือการขายภาพยนตร์ แต่ขณะนี้ผู้ใช้จะสามารถทำได้เพียงเช่าภาพยนตร์ใหม่ในราคา 4.99 เหรียญ สำหรับรายการทีวีในสหรัฐฯจากสถานีอย่าง ABC, Fox, Disney Channel และ BBC America นั้นให้เช่าในราคา 99 เซนต์ ไม่ต้องใช้ฮาร์ดไดร์ฟในเครื่องเพราะการเช่าภาพยนตร์และรายการทีวีบนอุปกรณ์ของแอปเปิลนั้นเป็นการสตรีมมิง

นอกจากนี้ Apple TV ยังให้บริการคลุมถึงวิดีโอบน YouTube และภาพยนตร์จาก Netflix เช่นเดียวกับบริการเก็บและชมภาพถ่ายออนไลน์อย่าง Flickr ด้วย

สนนราคาเครื่องลดลงเหลือ 99 เหรียญจาก 229 เหรียญ
iPod shuffle ยุคที่ 4
เครื่องเล่นเพลงพกพาสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดจิ๋วพร้อมคลิปหนีบเสื้อ
iPod nano ยุคที่ 6
ขนาดจิ๋วหน้าจอสัมผัส
ขณะเล่นเพลงจะแสดงภาพปกอัลบัม มีคลิปหนีบเสื้อเช่นกัน
iPod touch ยุคที่ 4
บางเฉียบ พร้อมกล้องหน้าหลังสำหรับวิดีโอแชต
Apple TV ยุคที่ 2
อุปกรณ์สตรีมมิงวิดีโอออนไลน์ของแอปเปิล
มาพร้อมรีโมทคอนโทรล์
***อ่านรายละเอียดบริการและซอฟต์แวร์อื่นๆที่แอปเปิลสาธิตพร้อมกับ iPod เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ได้ที่ข่าว "แอปเปิลลุยธุรกิจเครือข่ายสังคมเพื่อเพลง "Ping""
Company Related Link : Apple
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

sahasachai@gmail.com

ฟรีบริการเก็บสถิติเว็บไซด์ FlashSanook แฟลชเกมสนุกของคนออนไลน์