Olympus Pen E-P3 |
Olympus Pen Lite E-PL3 |
Olympus Pen Mini E-PM1 |
Olympus Pen E-P3 เรือธงตัวใหม่
โอลิมปัสชู Olympus Pen E-P3 ในฐานะเรือธงตัวใหม่ของผลิตภัณฑ์ตระกูล Pen แทนที่ Pen E-P2 ยังยึดการดีไซน์แบบเดิม มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีน OLED ขนาด 3 นิ้ว บนเซ็นเซอร์ Live MOS ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมระบบประมวลผลภาพใหม่ TruePic VI Image Processor ซึ่งสามารถทำงานได้เร็วขึ้นและประมวลผลสีได้ดีกว่า และระบบโฟสกัสอัตโนมัติความเร็วสูง "Fast AF System" ซึ่งรองรับจุดโฟกัส 35 จุด ตากล้องสามารถสัมผัสหน้าจอเพื่อโฟกัสขณะถ่ายภาพนิ่งได้ด้วย ทั้งหมดโอลิมปัสการันตีว่าความเร็วในการโฟกัสของ Pen E-P3 จะเหนือกว่าคู่แข่งทุกรายในตลาดขณะนี้
การทดสอบ Pen E-P3 จากสื่อต่างประเทศพบว่าได้รับเสียงตอบรับว่าดีกว่ากล้อง Pen รุ่นก่อนหน้าอย่าง E-P2 และ E-PL2 โดยเฉพาะการเปิดให้ตากล้องสัมผัสหน้าจอเพื่อจับโฟกัส (touch-to-focus) แถมยังสามารถรองรับการถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูง 1080i AVCHD ที่ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาทีพร้อมไมโครโฟนสเตอริโอ ค่า ISO สูงสุด 12800
E-P3 ถือเป็นกล้องที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากล้อง Pen รุ่นใหม่ที่ถูกเปิดตัวมา ขนาดเครื่องคือ 1.35x4.8x2.7 นิ้ว คาดว่าราคาวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม 2011 จะอยู่ที่ 900 เหรียญสหรัฐ พร้อมชุดเลนส์ให้เลือกระหว่างเลนส์ซูม 14-42มม (เทียบเท่าระยะ 28-84มม ในกล้องฟูลเฟรม) หรือเลนส์แพนเค้ก 17มม (เทียบเท่าระยะ 34มม) F2.8
Olympus Pen Lite E-PL3 รุ่นลดสเปก E-P3
ถือเป็นรุ่นเล็กต่อยอดจาก E-P3 ที่มีเซนเซอร์ TruePic VI Image Processor ถ่ายภาพความละเอียดเท่ากันคือ 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Fast AF System ชนิดเดียวกับ E-P3 โดยส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนจากรุ่นก่อนหน้าคือ หน้าจอจะมีขนาด 3 นิ้วแบบ LCD ในส่วนของโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องจะมีความเร็วอยู่ที่ 5.5 เฟรมต่อวินาที แต่เมื่อเปิดโหมดกันสั่น (stabilization active) จะมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องจะตกลงไปที่ 4.1 เฟรมต่อวินาที
มาในส่วนของฟิลเตอร์ E-PL3 จะมาพร้อมโหมด Art Filter ให้เลือกถึง 6 โหมด พร้อมระบบ Manual Control และสามารถถ่ายรูปที่คุณภาพไฟล์แบบ RAW รวมถึงสามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด1080i แต่คุณสมบัติ Continuous Focus จะถูกตัดออก
สุดท้ายในส่วนของราคาและวันวางจำหน่ายสำหรับ Olympus Pen Lite E-PL3 ยังไม่มีประกาศออกมาจากทางโอลิมปัส
Olympus Pen Mini E-PM1 จับกระแส 3 มิติ
สำหรับ Olympus Pen Mini E-PM1 ถือเป็นกล้องระดับ Entry Level ที่ทางโอลิมปัสตั้งใจชูจุดเด่นในเรื่องน้ำหนักเบา เหมาะเป็นกล้องสำหรับถ่ายแนว Street Photo ที่ได้คุณภาพแบบ DSLR และมาพร้อมฟังก์ชันถ่ายภาพ 3 มิติตามสมัยนิยม
โดยสเปกของตัวกล้อง ในด้านความละเอียดของตัวเซนเซอร์ และเอนจิ้นของตัวกล้องที่เลือกใช้จะคล้ายกับกล้อง 2 รุ่นที่กล่าวไปแล้วด้านบน คือ เซนเซอร์จะสามารถถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล โดยในส่วนวิดีโอจะสามารถถ่ายที่ความละเอียดสูงสุดที่ 1080i ที่ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาทีในโหมดอัตโนมัติและปรับตั้งค่าเองได้ ส่วนสเปกอื่นๆ จะคล้ายกับรุ่น E-PL3
อีกทั้งในรุ่น Mini E-PM1 ยังมาพร้อมจอแสดงผลภาพมีขนาด 3 นิ้วแบบ LCD มีน้ำหนักอยู่ที่ 217 กรัม สามารถนำแฟลชภายนอกมาต่อบริเวณ Hot Shoe และมีโหมดถ่ายภาพ 3 มิติแนบท้ายมาให้ด้วย
อุปกรณ์เสริมและเลนส์เตรียมรุกตลาดปลายปี
จากการคาดการณ์ของสื่อต่างประเทศ คาดว่า หลังจากที่เรือธงลำใหม่ของโอลิมปัส (E-P3) วางจำหน่ายแล้ว ทางโอลิมปัสจะเริ่มเดินทัพขนเลนส์และอุปกรณ์เสริมจำนวนมากวางตลาดตามมา อาทิเช่น เลนส์ M.Zuiko Digital ED 12mm/F2.0 ที่จะมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 800 เหรียญสหรัฐ และเลนส์ M.Zuiko Digital ED 45mm/F1.8 ที่ได้ชื่อว่าเป็น "Family Portrait" อาจเปิดขายที่ราคา 400 เหรียญสหรัฐ
และสุดท้ายในส่วนของแฟลชภายนอก จะเป็น FL-300R ที่มีราคาขายอยู่ที่ 170 เหรียญสหรัฐ ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติในการทำแฟลชไร้สายในตัว ก็อาจถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่ทางโอลิมปัสตั้งใจจะชูเป็นพระเอกคู่กล้องตระกูล Pen ก็เป็นได้
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
sahasachai@gmail.com