รู้ก่อนได้โหลดมาใช้กับ iMovie for iPhone

iMovie ใช้ได้เฉพาะกับ iPhone 4 เท่านั้น

สิ่งแรกสุดนี้ คงเป็นข่าวร้ายสำหรับชาว iPhone ทุกรุ่นที่วางขายก่อนหน้านี้ เพราะแอพฯ iMovie สำหรับ iPhone นั้น จะรองรับเฉพาะ iPhone 4 เท่านั้น ไม่สามารถดาวน์โหลดไปติดตั้งใน iPhone 3GS ได้ ซึ่งก็รวมถึง iPhone 3G และแน่นอนกับ iPhone 2G (หลายคนเรียก iPhone Classic) หมดสิทธิ์ไปตามระเบียบ

ข้อนี้ทางแหล่งข่าวให้เหตุผลว่า แอพฯ iMovie for iPhone ต้องการพลังในการประมวลผลค่อนข้างสูง ทำให้ซีพียูที่พร้องรองรับการใช้งานร่วมกับ iMovie จะมีแต่ iPhone 4 ที่มาพร้อมซีพียู Apple A4 ความเร็ว 1GHz เท่านั้น

ตัดต่อด้วย iPhone ไม่สามารถใช้ร่วมกับบน Mac ได้

อีกหนึ่งข้อมูลที่ผู้ใช้ Mac (ไม่ว่าจะเป็น MacBook, MacBook Pro, iMac หรือ Mac Mini) ต่างก็ไม่สามารถนำไฟล์ที่ตัดต่อจาก iPhone มาใช้ร่วมกันได้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะโค้ดในการเขียนและพัฒนาแอพฯ ไม่เหมือนกัน รวมถึงคุณสมบัติบางอย่างก็แตกต่างกันด้วย ... T_T

การเลือกใช้ไฟล์จาก iPhone 4 มีข้อดีให้เลือก

ใครที่คิดว่าแล้วจะเอาไฟล์จากไหนบ้างมาตัดต่อผ่านโปรแกรม iMovie for iPhone คำตอบก็คือ ตัวแอพฯ iMovie for iPhone สามารถรองรับการทำงานผ่านกล้องวิดีโอของ iPhone 4 ได้ทันที นอกจากนี้หากคุณทำการซิงค์ไฟล์วิดีโอจากเครื่อง Mac มาเก็บใน iPhone 4 ก็สามารถนำไฟล์ดังกล่าวมาใช้ร่วมกันได้

ไฟล์วิดีโอที่รองรับจะมีเฉพาะ H.264 เท่านั้น

อันนี้เป็นหนึ่งในข้อที่คุณควรรู้ไว้เช่นกัน เพราะเมื่อต้องตัดต่อวิดีโอแล้วจัดการ Export ไปใช้ในเครื่องอื่นๆ เช่น ส่งให้เพื่อนดู (เพื่อนใช้มือถือยี่ห้ออื่น) เครื่องของเพื่อนคุณจำเป็นต้องรองรับการแสดงไฟล์วิดีโอนามสกุล H.264 ด้วย ไม่เช่นนั้น (อาจ) จะไม่สามารถรับชมได้

วันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

วันวางจำหน่ายตัวแอพฯ ในฝันของใครหลายๆ คนจะเป็นวันที่ 24 มิถุนายน 2553 พร้อมกับ iPhone 4 ที่เริ่มส่งให้ลูกค้าใน 5 ประเทศแรกของโลก (ของพี่ไทยเรารอกันไปเป็นช่วงเดือนกันยายน พร้อมอีก 40 ประเทศที่เหลือ)

และแน่นอนว่าหากอย่างใช้แอพฯ ตัวนี้ ก็ต้องมี iPhone 4 เท่านั้น ตามข่าวข้างบน ... เฮ่อ เสียดายแทนเจ้าของ iPhone 3GS ที่เพิ่งซื้อมาเหมือนกัน

ข่าวสุดท้าย...ใช้ไม่ได้กับ iPad

อันนี้ถือเป็นข่าวน่าเศร้าสุดๆ สำหรับใครที่ซื้อ iPad มาแล้ว เพราะแอพฯ ในเวอร์ชัน iPhone ไม่รองรับการนำไปใช้งานร่วมกับ iPad แต่อย่างใด...

ข่าวโดย NaTdHaPooM
ที่มา http://techxcite.com/2010/view/2900