วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ซื้อ iPhone4 กับใครคุ้มที่สุด?

เชื่อขนมกินได้เลยว่านาทีนี้สาวกแอปเปิลเมืองไทยหลายคนที่ไม่ได้สั่งจองเครื่องกับโอเปอเรเตอร์ค่ายใด กำลังลังเลใจว่าจะลงหลักปักฐานกับใครดี ระหว่างเอไอเอสที่มีราคาแพคเกจเริ่มต้นต่ำที่สุด ทรูมูฟที่เทน้ำหนักเอาใจนักท่องเน็ตมากกว่าใครในกลุ่มที่ไม่ใช่"unlimited" หรือดีแทคที่ให้ราคาอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัดในราคาถูกที่สุดรักพี่ก็เสียดายน้อง สรุปว่าเลือกฝากหัวใจไว้กับใครได้ยากจริงๆ

ก่อนที่จะไปชำแหละโปรโมชันแต่ละค่าย คุณควรรู้ว่า ปี 2010 คือปีแรกที่เมืองไทยต้องจารึกว่าเป็นปีที่ 3 ค่ายโอเปอเรเตอร์ไทยรวมตัวกันวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนยอดฮิตรุ่นใหม่ล่าสุดของแอปเปิล "ไอโฟน4 (iPhone4)" โดยเปิดราคาเครื่องทั้งที่ผูกสัญญาใช้งานและเครื่องเปล่าที่ไม่ติดสัญญาในระดับเดียวกันหมด ทำให้จุดเดียวที่ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเลือกได้กลายเป็นแพคเกจค่าบริการ ซึ่งแต่ละค่ายต่างจัดสรรออกมาบนพื้นฐานการใช้งานของลูกค้ากลุ่มเดิมเป็นหลัก

จากการชำแหละราคาแพคเกจแต่ละค่ายที่แตกต่างกันออกไป พบว่าหลักๆแล้ว โอเปอเรเตอร์ไทยแบ่งผู้ใช้ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มเปลืองน้อยใช้น้อย กลุ่มเปลืองกลางใช้พอดี และกลุ่มล่ำซำใช้เต็มที่ ทั้งหมดเน้นให้ค่าโทร. ข้อความสั้น ข้อความมัลติมีเดีย MMS บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และสิทธิพิเศษที่ต่างออกไป

ดาวเด่นในกลุ่มเปลืองน้อยใช้น้อยต้องยกให้เอไอเอส ที่ให้แพคเกจ Mini ในราคาเริ่มต้นต่ำสุดที่ 275 บาท สามารถโทร.ได้ 150 นาที SMS 100 ครั้ง MMS 20 ครั้ง EDGE 150MB เชื่อว่าราคานี้จะสามารถเอาใจฐานผู้ใช้เอไอเอสแบบบัตรเติมเงินได้มากโข

ทรูมูฟเอาใจกลุ่มใช้น้อยด้วยแพคเกจ S ในราคาเริ่มที่ 399 บาท โทร.ได้ 100 นาที SMS 50 ครั้ง MMS 20 ครั้ง EDGE/3G อย่างละ 200MB Wi-Fi 20 ชั่วโมง ขณะที่ดีแทคเริ่มแพคเกจ S ที่ 449 บาท ถือว่าแพงที่สุดในกลุ่มใช้น้อย โดยโทร.ได้ 225 นาที SMS 200 ครั้ง MMS 30 ครั้ง EDGE 100MB

เห็นได้ว่าแต่ละค่ายจะมีความเหลื่อมล้ำกันเล็กน้อยในเรื่องของเวลาโทร. จำนวนข้อความ และข้อมูลการใช้งานดาต้า ซึ่งแพคเกจกลุ่มเปลืองน้อยใช้น้อยนี้จะเหมาะกับผู้ที่ซื้อไอโฟน 4 มาใช้งานเป็นโทรศัพท์ เล่นเกมส์ ฟังเพลง ถ่ายรูป มากกว่าใช้งานอินเทอร์เน็ต เนื่องจากจำนวนที่แต่ละค่ายให้ 100 - 200MB เพียงพอแค่การใช้งานอีเมล และเปิดเว็บเล็กน้อยเท่านั้น

เอไอเอสยังคงครองแชมป์ราคาเริ่มต้นต่ำที่สุดในกลุ่มเปลืองกลางใช้พอดี โดยเปิดแพคเกจ Medium ที่ราคา 519 บาท โทร.ได้ 250 นาที SMS 250 ครั้ง MMS 30 ครั้ง EDGE 500MB ถัดมาคือทรูมูฟและดีแทคที่ให้ราคาไม่ต่างกัน โดยเปิดแพคเกจ M ที่ราคา 579 และ 580 บาทตามลำดับ ใช้โทร.ได้ 250 นาที SMS 300 ครั้ง MMS 50 ครั้ง EDGE ไม่จำกัด ตรงนี้ทรูเหนือกว่าเพราะเพิ่มให้ผู้ใช้ทดลองใช้งาน 3G เต็มที่ 500MB และ Wi-Fi 20 ชั่วโมงด้วย

ที่น่าสังเกตคือ ในขณะที่ดีแทคและทรูมูฟให้การเชื่อมต่อ EDGE แก่ผู้ใช้แพคเกจ M แบบไม่จำกัด แต่เอไอเอสกลับกำหนดให้ใช้งานแค่ 500MB ซึ่งถือเป็นจำนวนปานกลางที่เพียงพอแต่การออนไลน์แชต พุชเมล และเล่นทวิตเตอร์เท่านั้น ซึ่งหากมากกว่านี้มีความเสี่ยงเกิน 500MB แน่นอน

ตรงนี้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่เน้นการใช้งานดาต้ามากกว่าโทร. คงยิ้มออกจากราคาที่เปิดออกมา เพราะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดในราคา ประมาณ 580 บาทเท่านั้น จากเดิมที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนต้องสมัครแพคเกจอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดในราคา 650 บาท แถมไม่ได้ค่าโทร. ค่าส่งข้อความอะไรทั้งสิ้น จนหลายคนน้อยใจว่าทำไมโอเปอเรเตอร์ไม่ออกแพคเกจนี้มาให้คนใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นบ้างหนอ

เพื่อเก็บสกอร์ให้เรียบ ทรูมูฟยังมีโปรโมชันพิเศษอย่าง Free Size ที่ออกมาดึงลูกค้าเมืองกรุงที่ซื้อเครื่องเปล่า เครื่องหิ้ว ที่ไม่ติดสัญญาจากค่ายใด ประเทศใดก็ได้ ให้สามารถใช้งาน EDGE/Wi-Fi/ทดลองใช้ 3G แบบไม่จำกัด พร้อมค่าโทร 300 นาที SMS 300 ครั้ง และ MMS 50 ครั้ง ในราคา 599 บาท สิ่งที่เกิดขึ้นตอกย้ำยุทธศาสตร์การคอนเวอร์เจนซ์ หรือการหลอมรวมบริการทุกอย่างที่ทรูมูฟมีเพื่อเป็นจุดเด่นให้เหนือกว่าโอเปอเรเตอร์รายอื่น โดยจะเห็นได้จากการที่ทรูมูฟเพิ่มการเชื่อมต่อ Wi-Fi และทดลองใช้ 3G เข้ามา ทำให้แพคเกจทรูมูฟมีความหลากหลายกว่าดีแทคและเอไอเอส ที่ให้ผู้ใช้ใช้งานแพคเกจฟรีหลังใช้งานครบตามที่กำหนดเท่านั้น

การใช้งาน Wi-Fi Hot Spot 18,000 จุดสำหรับใช้ Facetime และทดลองใช้งาน 3G ที่ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ ทำให้ทรูมูฟถูกมองว่าจะสามารถดึงลูกค้าจากโอเปอเรเตอร์คู่แข่งได้ ในวันที่การประมูล 3G ต้องแท้งไปจากการที่กทช.ไม่มีอำนาจในการเปิดประมูล

สุดท้ายสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการค่าโทรมากขึ้นและใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัด แชมป์ราคาถูกสุดคือดีแทคที่ออกแพคเกจ L เริ่มที่ 699 บาท โทร.ได้ 350 นาที SMS 400 ครั้ง MMS 75 ครั้ง EDGE ไม่จำกัด ขณะที่ทรูมูฟตามมาที่แพค L 799 บาท โทร.ได้ 450 นาที SMS 400 ครั้ง MMS 10 ครั้ง EDGE ไม่จำกัด ทดลองใช้ 3G 1GB ขณะที่เอไอเอสแพค Max 839 บาท ให้โทร. 500 นาที SMS 300 ครั้ง MMS 50 ครั้ง EDGE ไม่จำกัด

จะเห็นได้ว่า Max กลายเป็นแพคเกจเดียวของเอไอเอส ที่ให้ใช้งาน EDGE ได้ไม่จำกัด พร้อมกับค่าโทร. ที่มากกว่าค่ายอื่นๆ ในราคาที่แพงกว่าด้วย ดังนั้นแพคเกจกลุ่มนี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้โทร. ส่งข้อความจำนวนมาก ขณะที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตแทบไม่แตกต่างจากกลุ่มกลางมากนัก

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคทุกคนต้องท่องให้ขึ้นใจคือ นอกจากราคาที่ถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณาแล้ว คุณภาพของสัญญาณก็เป็นเรื่องที่ต้องดูคู่กัน แน่นอนว่าแต่ละค่ายล้วนมีจุดเด่นของตัวเองต่างกันไป เช่น ทรูมูฟที่มีกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในเมืองจากความครอบคลุมของ Wi-Fi และทดลองใช้งาน 3G ขณะที่ดีแทคก็เน้นว่าเป็นรายแรกที่ให้บริการ EDGE ทั่วประเทศ ขณะที่เอไอเอสก็ได้เปรียบตรงเครือข่ายครอบคลุมมากที่สุดแม้บางส่วนจะยังไม่ได้เป็น EDGE ก็ตาม ทั้งหมดนี้ขอให้ทุกคนตรวจตราให้ดีก่อนตัดสินใจ

เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ใช้ทุกคนต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า พฤติกรรมการใช้งานของตัวเองเหมาะสมกับแพคเกจรูปแบบใด ก่อนจะลงหลักปักฐานกับค่ายที่เหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด

เอ ดูๆไปการเลือกแพคเกจ ก็เทียบได้กับการเลือกคู่ชีวิตเลยนะนี่.

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

sahasachai@gmail.com

ฟรีบริการเก็บสถิติเว็บไซด์ FlashSanook แฟลชเกมสนุกของคนออนไลน์